ยินดีต้อนรับสู่เวปบล็อกการเมืองไทยวันนี้

ยินดีต้อนรับสู่เวปบล็อกการเมืองไทยวันนี้
3:00 PM | Author: Unknown
มนุษย์เราล้วนมีความต้องการที่จะมีชีวิตอยู่รอดปลอดภัย..


ปัจจัยพื้นฐานของเราคือ อาหาร เครื่องนุ่งห่ม ที่อยู่อาศัย และยารักษาโรค ถ้าประชาชนในประเทศใดสามารถเข้าถึงปัจจัยสี่อย่างถ้วนหน้า เชื่อว่าการปลุกระดมมวลชนอย่างไม่มีเหตุผล คงลดน้อย หรือเป็นไปได้ยากกว่าเดิม..


การที่จะทำให้คนในบ้านเราทุกคนเข้าถึงปัจจัยสี่อาจเป็นเรื่องง่ายสำหรับบางครอบครัว แต่อาจเป็นเรื่องยากสำหรับอีกหลายครอบครัว และยิ่งยากยิ่งขึ้นสำหรับประชากรทั้งประเทศ..

แล้วเราจะทำอย่างไร?

ที่กัมพูชามีนักศึกษาคณะสถาปัตย์ฯ ในมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ได้ประกวดการออกแบบบ้านสำหรับมหาชน โดยโจทย์ที่ได้รับคือค่าก่อสร้างบ้านต้องไม่เกินสามหมื่นบาท..

การทำเกษตรแบบผสม ปลูกผักสวนครัวไปด้วย ขุดบ่อเลี้ยงปลา เลี้ยงหมู เอาขี้หมูมาทำปุ๋ย ลดการซื้อหาสารเคมี ผลผลิตที่ได้แบ่งไว้เป็นทุนอาหารก่อน ที่เหลือแบ่งไปขาย.. ถ้าขาดแคลนอาหาร พืชผลราคาตกต่ำเราก็ยังมีกิน..

การปฎิรูประบบรัฐสวัสดิการ ให้เราเข้าถึงมือหมอ การส่งเสริมให้เราหันเข้าหาภูมิปัญญาไทย สมุนไพรพื้นบ้าน การให้เราเห็นความสำคัญของสุขภาพตนเอง..

เหล่านี้ล้วนเป็นจุดเริ่มต้นหนึ่งที่จะนำเราไปสู่หนึ่งในหลายปัจจัยสี่ที่สำคัญต่อการดำรงชีวิต และเราสามารถเริ่มต้นได้เลยด้วยตัวเราเอง..

ถ้าเราต่างมีบ้านที่อบอุ่น ครอบครัวพร้อมหน้า เชื่อว่าหน่วยเล็กที่สุดที่เรียกว่า "ครอบครัว" จะนำสันติสุขมาสู่เราอย่างแท้จริง

เมื่อเรามีความั่นคงในปัจจัยสี่ และรู้จักพึ่งพาตนเอง "ประชาธิปไตย" ที่ถูกต้องก็จะเกิดขึ้นโดยที่เราไม่ต้องไปเรียกร้องกับใคร..

...
8:26 PM | Author: Unknown
เหตุการณ์ในวันที่ 10 เมษายน คงเป็นวันที่ให้บทเรียนใครหลายคนถึงการใช้ความรุนแรง และการชุมนุมโดยเอาความเดือดร้อนของคนอื่นเป็นที่ตั้ง..


การพิสูจน์ก็คงต้องดำเนินต่อไป.. แต่ในเบื้องต้น "คนชุดดำ" และคนเสื้อแดงบางกลุ่ม (ไม่ใช่ทั้งหมด) อาจเป็นสาเหตุที่แท้จริงที่ทำให้เกิดการสูญเสีย..

สำหรับการเจรจา ในตอนนี้เชื่อว่าคนเสื้อแดงคงไม่เจรจา เนื่องจากคิดว่าตนกำลังได้เปรียบอยู่.. ดังนั้นขั้นตอนในการนำไปสู่การเจรจาจึงควรทำให้คนทุกฝ่ายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ.. เพื่อให้ตั้งสติกันใหม่.. แบบนี้แล้วการเจรจาอาจจะเกิดขึ้นได้..

...

ขั้นตอนในการนำไปสู่การเจรจา

1. นายกควรมี "นักสันติวิธี" มาช่วยในการวางแผนด้วย เนื่องจากจะได้มุมมองอีกแง่มุมหนึ่ง เพื่อป้องกันการสูญเสีย

2. หากต้องมีการตัดสินใจใดๆ ที่อาจนำไปสู่เหตุการณ์ร้ายแรง ควรฟังเสียงประชาชน โดยอาจให้ร่วมส่ง sms แสดงความคิดเห็น หรือทำประชามติแบบเร่งด่วน (ควรใช้เวลาไม่มาก) ที่สำคัญควรแจ้งผลการทำประชามติให้สาธาระณะทราบทั่วกันว่าที่รัฐฯ ทำเป็นเสียงจากประชาชน

3. ทำการแจ้งให้เสื้อแดงทราบว่าจะเริ่มการสลายการชุมนุมอีกครั้ง ถ้าไม่ทำจะทำให้กฏหมายบ้านเมืองเป็นแค่กระดาษ

4. ตัดน้ำ ตัดไฟ เวทีการชุมนุม (พิจารณาตามความเหมาะสม)

5. สลายการชุมนุมโดยกำหนดกรอบเวลาแต่ละวัน เช่น เริ่ม 8.00 และเสร็จสิ้น 17.00 แต่ไม่ควรสลายตอนมืดค่ำ และยุติการสลายอย่างเคร่งครัด

6. ไม่ควรกำหนดเส้นตายว่าต้องสลายภายในระยะสั้น.. ควรยืดหยุ่นตามความเหมาะสม (อาจเป็นเดือน) แต่ควรทำอย่างต่อเนื่อง (พิจารณาตามความเหมาะสม)

7. ถ้าเห็นว่าจะเกิดความรุนแรงต้องถอย ต้องไม่คิดว่าจะแพ้ หรือชนะ จุดหมายเพียงแค่สลายการชุมนุมเท่านั้น..

8. ถ้าการสลายการชุมนุมกระทำต่อเนื่อง ย่อมเกิดความเหนื่อยล้าทั้งสองฝ่าย จากนั้นจึงค่อยเสนอการเจรจา..

...

การนำเสนอ 8 ขั้นตอนสู่การเจรจานี้เป็นเพียงความเห็นส่วนหนึ่งเท่านั้น ทุกคนต้องการความสงบ ต้องทำอะไรเพื่อให้กฏหมายบ้านเมืองไม่เป็นแค่กระดาษ ในขณะเดียวกันต้องคำนึงถึง "ชีวิต" ของผู้คนทุกคน..

รัฐบาลต้องไม่เอา "เวลา" มาเป็นศัตรู ควรเอาเวลาเป็นพวก เป็นส่วนหนึ่งที่จะทำให้เหตุการณ์สงบ ให้เวลากับการแก้ปัญหา บางทีปัญหาอาจไม่สามารถแก้ได้ในเวลาอันสั้น ผู้คนที่มาชุมนุมย่อมเหนื่อยล้า อยากกลับบ้าน ทหารย่อมเหนื่อยล้า เมื่อเวลาเหมาะสมการเจรจาย่อมเกิดขึ้นได้..

ขอประนามการนำเอาเหตุการณ์ และผู้เสียชีวิตมาปลุกระดมให้มีความรุนแรง และขอให้ทุกคนหันหน้าเข้าหากัน หันหน้ามาคุยกัน เพื่อประเทศชาติ เพื่อลูกหลาน และในหลวงของเรา..

....
7:43 PM | Author: Unknown
ครั้งหนึ่งมีสองสหายที่เต็มไปด้วยอุดมการณ์แรงกล้าที่จะพัฒนาประเทศชาติให้เจริญรุ่งเรืองตามแนวทางที่วาดหวังไว้.. แต่เมื่อกาลเวลาผ่านไปหนึ่งในสองกลับกลายเป็นนายแบงค์ที่อาจดูห่างจากแนวคิดที่วาดภาพเอาไว้.. ส่วนอีกคนเดินตามทางที่ตั้งใจไว้ตั้งแต่ต้น..

เมื่อเวลามาบรรจบกันอีกครั้ง ทั้งสองก็ได้กลับมาทำตามอุดมการณ์ที่เคยคิดฝันไว้ และกำลังเผชิญกับการท้าทายอย่างใหญ่หลวงในตอนนี้..

การท้าทายโดยอ้างอิงความยุติธรรม อ้างอิงประชาธิปไตย แต่ถ้าพิจารณาให้ดี มองให้ลึกลงไปมันแฝงไปด้วยแผนคิดการใหญ่ที่น่าตกใจ และถ้าทำไม่สำเร็จก็อาจย้อนกลับมาทำลายตนเองอย่างเจ็บปวด..

มันเป็นสงครามระหว่างชนชั้นจริงๆ แต่เป็นชนชั้นที่ร่ำรวยใหม่ กับชนชั้นอำนาจเก่า โดยเอาประชาชนเป็นหมากในการสนองอำนาจส่วนตนที่ถมเท่าไหร่ก็ไม่มีวันเต็ม..

เมื่อคนๆ หนึ่งเต็มไปด้วยความทะเยอทะยานอย่างแรงกล้า เกิดมาเพื่อเผาผลาญทรัพยากรธรรมชาติโดยอาศัยระบบ "ทุนนิยม" เป็นเครื่องมือสนองกิเลสที่เหมือนบ่อทราย..

แต่ละผัสสะที่มากระทบประสาทสัมผัสทั้งหลาย ยิ่งกระตุ้นให้เกิดความทะยานอยาก เมื่อยิ่งทำยิ่งประสบผลสำเร็จ มันก็เหมือนยาพิษที่ยิ่งเร่งเร้าความอยาก ความมั่งมี อำนาจ โดยอาจไม่รู้เท่าทันว่ากายเราเป็นมนุษย์ แต่ใจเราเป็นเปรตไปแล้ว..

การนำประชาธิปไตยมาเป็นข้ออ้าง เพื่อสนองอุดมการณ์ส่วนตน โดยทำความเดือดร้อนให้กับผู้ที่เห็นต่าง และผู้คนทั่วไป แบบนี้ยังถือว่าเป็นประชาธิปไตยอยู่หรือ?

ความต้องการในการสถาปณารัฐไทยใหม่ ความต้องการในอำนาจสูงสุด ความคิดที่ว่า ถ้าตนเองต้องเจ็บปวด ประเทศชาติต้องเจ็บปวดไปด้วย.. นี่คือความคิดของคนที่รักชาติ รักแผ่นดิน? หรือเป็นเพียงการเห็นแก่ความคับแค้นส่วนตน?

การหยิบใช้ทรัพยากรอย่างบ้าคลั่ง การแปลงทะเลที่เป็นทรัพย์สาธาระณะให้เป็นโฉนด มีการซื้อขายมีการถอนทุน น้ำเสีย ทะเลเน่า ไม่เว้นแม้แต่การทำนาซึ่งเป็นอาชีพตั้งแต่บรรพกาล เมื่อมีความต้องการมาก ก็ยิ่งดูดเอาทรัพยากรไปใช้มาก ในวันหนึ่งบ้านเราอาจต้องกลับกลายเป็นทะเลทรายเหมือนประเทศของผู้ลงทุนต่างด้าว โดยที่เราไม่ทันรู้ตัว..

ทางออกคืออะไร? คนเราเมื่อขาดแคลนอาหาร ก็เหมือนขาดความมั่นคง การทำเกษตรเชิงเดี่ยว เมื่อแล้งก็หมดตัว ลูกหลานหนีหายไปทำงานในเมือง ครอบครัวแตกแยก สุดท้ายก็ต้องหวังพึ่งคนอื่น..

เมื่อไม่ได้รับการตอบสนองก็คับแค้น และโทษสิ่งรอบตัว..

หันกลับมามองตัวเราเอง หันกลับมาพึ่งตนเอง หันมาคิดพิจารณาให้ถี่ถ้วน แนวทางที่ประสบผลสำเร็จมีเป็นตัวอย่างมากมาย นอกจากครอบครัวจะอยู่พร้อมหน้าแล้ว ยังภาคภูมิใจในตนเองอีกด้วยที่เราสามารถยืนได้ด้วยตนเอง..


ถ้าเราเห็นแก่ตัว คนรอบข้างเราก็จะเห็นแก่ตัวไปด้วย..

ถ้าเราเห็นแก่ตัว เราก็จะได้ผู้ใหญ่บ้านที่เห็นแก่ตัวไปด้วย..

ถ้าเราเห็นแก่ตัว เราก็จะได้กำนันที่เห็นแก่ตัวไปด้วย..

ถ้าเราเห็นแก่ตัว เราก็จะได้ อบต. ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนไปด้วย..

ถ้าเราเห็นแก่ตัว เราก็จะได้ อบจ. ที่เห็นแก่ตัวไปด้วย..

ถ้าเราเห็นแก่ตัว เราก็จะได้ สส. ที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนไปด้วย..

ถ้าเราเห็นแก่ตัว เราก็จะได้รัฐบาลที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนไปด้วยเช่นกัน..

...

แต่ถ้าเรามีความซื่อสัตย์ มีเมตตา และเสียสละ ครอบครัวเราก็จะอบอุ่น..

ถ้าเรามีความซื่อสัตย์ มีเมตตา และเสียสละ เราก็จะได้ผู้ใหญ่บ้านที่ดี..

ถ้าเรามีความซื่อสัตย์ มีเมตตา และเสียสละ เราก็จะได้กำนันที่เสียสละเพื่อส่วนรวม..

ถ้าเรามีความพอเพียง เราก็จะได้ อบต.ที่ไม่โลภ..

ถ้าเรามีความพอเพียง เราก็จะได้ อบจ.ที่ดี..

ถ้าเรามีความพอเพียง เราก็จะได้ สส. ที่ทำเพื่อส่วนรวม..

ถ้าเรามีความพอเพียง ซื่อสัตย์ มีเมตตา เสียสละ และสามัคคี ประเทศไทยจะเจริญได้โดยไม่ต้องหวังพึ่งพาใคร.. แม่แต่นักการเมือง..

เราอยากได้นักการเมืองที่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวม.. ต้องเริ่มที่ตัวเรา ไม่เห็นแก่ตัว มีความสมัครสมานสามัคคี เสียสละความสุขส่วนตน เพื่อประโยชน์ส่วนรวม..

ขออำนาจคุณพระศรีรัตนตรัย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายจงดลบันดาลให้ "เราทุกคน" ผ่านเหตุการณ์ต่างๆ ไปได้ด้วยดี ให้เรารักสมานสามัคคีกัน ช่วยกันพัฒนาชาติบ้านเมืองให้เจริญรุ่งเรืองสืบไป..

...
7:57 PM | Author: Unknown
เคสคุยส่งท้ายการทำงานที่เก่าน่ะครับ เห็นว่าน่าสนใจดีเลยขอเอามาแชร์ให้ฟังกัน (คร่าวๆนะครับ)

พนง. : ดิฉันขอลาออกค่ะ

ผม : จะลาออกไปไหนล่ะ ตอนนี้บริษัทกำลังต้องการคน อยู่ช่วยกันก่อนดีกว่ามั้ย?

พนง. : ดิฉันมีความจำเป็นต้องกลับบ้าน ดูแลลูก แม่แกดูแลไม่ไหว

ผม : มาคุยกันสบายๆดีกว่านะครับ ไม่ต้องดิฉันหรอกครับ ไม่ต้องเกร็ง ไหนลองเล่ารายละเอียดให้ฟังทีสิครับ

แล้วน้องเขาก็เล่าปัญหาที่เจออยู่ให้ฟัง ซึ่งจริงๆก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ผมก็เห็นว่าเรื่องมันยังไม่ถึงขนาดต้องลาออกเลยเริ่มคุยต่อ
____

ผม : น้อง เคสนี้บริษัทน่าจะให้ลาได้นะ น้องเป็นพนักงานเก่า ไม่น่าออกหรอก แล้วถ้าออกไปนี่รายได้พอใช้เหรอ?

พนง. : ก็... (เงียบไปพักนึง)

ผม : เราต้องห่วงครอบครัวเรา ถูกมั้ย ถ้าเราออกไปแล้วรายได้ไม่พอใช้ก็ต้องหางานใหม่อยู่ดี ถ้างั้นอยู่นี่แหละ แต่ถ้าจำเป็นก็หยุดไปแล้วกันน่า

พนง. : พี่ หนูคุยจริงๆนะ หนูจะออกไปร่วมชุมนุมน่ะ หนูยอมลำบากจะสู้เพื่ออุดมการณ์น่ะ

ผมก็คิดในใจว่ากะแล้วเชียว ก็น้องเล่นใส่เสื้อ Truth Today มาคุยนี่น่า ^^"

แต่ตามที่โดนสอนมา การที่พนักงานลาออกไปลำบากนั่นไม่ใช่เรื่องที่ HR ควรจะปล่อยผ่านไป ก็เลยคุยต่อครับ
____

ผม : น้อง ถ้าเป็นผมนะ ผมต้องให้ความสำคัญกับครอบครัวก่อนน่ะ ผมจะไม่เลือกอะไรที่ทำให้ครอบครัวลำบากนะ

พนง. : แต่รัฐบาลนี้ไม่ดี บ้านหนูทำนา ราคาข้าวมันตก แล้วเจอปุ๋ยปลอมด้วย ถึงหนูไม่ได้ทำนาแต่หนูสงสารคนอื่นเขา

ผม : แล้วรายได้ของบ้านเราจะไม่กระทบเหรอเวลาเรามาชุมนุมไม่ได้ทำงาน

พนง. : ก็กระทบค่ะ

ผม : แล้วแฟนเราทำอาชีพอะไรล่ะ รายได้พอเลี้ยงครอบครัวรึเปล่า?

พนง. : ได้เดือนละ 12,000 ค่ะ ทำงานเป็นคนขับรถให้แกนนำ

ผมก็ ^^" แล้วแบบนี้จะคุยต่อยังไงดีล่ะเนี่ย แล้วปล่อยให้ออกไปตกงานจะดีเหรอ ลองอีกยกละกัน กล่อมไม่ได้ก็ยอมแพ้แล้ว

____

ผม : ที่คุยมาตอนนี้เราต้องดูแลหลายปากนะ แล้วมีเงินเก็บพอดูแลตัวเองได้กี่เดือนล่ะ

พนง. : แต่หนูทำเพื่ออุดมการณ์นะ

เอาแล้ว เริ่มตอบไม่ตรงคำถามแล้ว เจอช่องให้เจาะแล้ว

ผม : ผมถามจริงๆนะว่ามีเงินเก็บพอดูแลที่บ้านได้กี่เดือน

พนง. : ก็หลายเดือนอยู่ แต่หนูมั่นใจว่าจะยุบสภาเร็วๆนี้นะ

ผม : แล้วถ้ามันชุมนุมยืดเยื้อไม่จบในหลายเดือน แบบนี้เราจะไหวเหรอ

พนง. : (เงียบ)

ผม : ถ้างั้นน้องห่วงครอบครัวตัวเองหน่อยดีมั้ย อยู่ทำงานต่อดีกว่าน่า

พนง. : แต่หนูรับปากเพื่อนๆเขาไปแล้วว่าจะไปร่วมชุมนุมใหญ่เสาร์นี้ แล้วอีกอย่างตอนนี้ก็ขาดงานมาหลายวันแล้ว

เอาล่ะ ในที่สุดก็หาเจอแล้วว่าเหตุผลที่พนง.จะลาออกนั้นมันมาจากความกลัวโดนตำหนิเรื่องขาดงานประกอบกัน งั้นก็ได้เวลากล่อมครั้งสุดท้ายแล้ว

ผม : งั้นน้องก็ขอลาไปชุมนุมใหญ่แล้วกลับมาทำงานสิครับ ลองคุยกับหัวหน้างานลางานไปถึงวันจันทร์สิ

พนง. : แล้วหัวหน้างานเขาจะไม่ว่าเหรอคะ

ผม : แน่นอนอยู่แล้วครับว่าต้องโดนลงโทษเรื่องขาดงาน แต่แบบนี้เราเองยังมีรายได้มั่นคงนะ แถมไม่ต้องผิดใจกับเพื่อนที่ร่วมชุมนุมด้วย

พนง. : (คิดอยู่พักนึง )งั้นหนูขอไปยื่นข้อเรียกร้องกับหัวหน้างานก่อนนะคะ ขอบคุณพี่มากค่ะ
____

เรื่องนี้จบด้วยการเปลี่ยนใจพนักงานได้คนนึงครับ สำหรับกรณีนี้พนักงานมีความคิดว่าการต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ทางการเมืองเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้นในการพูดคุยผมจะไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องความคิดทางการเมืองของน้องเขา แต่คุยในประเด็นที่ต้องทำให้เขาคิดถึงความจำเป็นด้านอื่นของตัวเขาบ้างน่ะครับ ดึงให้เขากลับมาคุยในเรื่องที่เราคุยได้ก่อนครับ

มันมีทั้งข้อดี และข้อเสียนะครับ..

ข้อดีคือ คนหนึ่งคนไม่ต้องตกงาน และลดจำนวนคนเข้าร่วมชุมนุมในระยะยาวได้..

ข้อเสียคือ มันจะเป็นเคสตัวอย่างที่อาจทำให้คนอื่นๆ ทำตาม..

...

ผมคิดว่าคุณแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีมากทีเดียว การเรียกร้องประชาธิปไตยโดยไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเป็นเรื่องที่ยอมรับได้..

แต่ส่วนตัวผมคิดว่า... การอ้างประชาธิปไตยเพื่อสนองอุดมการณ์ส่วนตนเป็นเรื่องที่น่าละอาย..

เพราะการที่คุณนำประชาธิปไตยมาเป็นข้ออ้าง แล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อน (บางรายเดือดร้อนมาก) มันไปกระทบสิทธิของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นสีอะไร.. มันเป็นการทำลายประชาธิปไตยทางอ้อม

โดยบางทีเราอาจจะไม่ทันรู้ตัว..

...
9:42 PM | Author: Unknown

ความเกลียดชัง

เป็นพลังด้านลบที่มีพลังการทำลายล้างอย่างที่เราคาดไม่ถึง เมื่อคนเราเต็มไปด้วยความเกลียดชังซึ่งกัน นั่นหมายถึงเราอาจจะทำอะไรก็ได้ที่ทำให้ฝ่ายที่เราเกลียดชังต้องพังพินาศไป...

ประชาธิปไตยบนความขัดแย้ง

เมื่อคนเราเต็มไปด้วยความเกลียดชัง ความขัดแย้งก็จะตามมา การปลุกระดมมวลชนก็จะตามมาเช่นกัน และจำเป็นที่จะต้องมีข้ออ้างในการปลุกระดม..

การอ้างประชาธิปไตย เพื่อสนองอุดมคติส่วนตนถือเป็นเรื่องน่าละอายหรือไม่?

การปฎิวัติแท้จริงแล้วมีใครต้องการหรือไม่?

หรือที่จริงแล้วการปฎิวัติไม่เป็นที่ต้องการของทุกฝ่าย.. แต่มีเหตุบางประการที่ทำให้มวลชนบางกลุ่มจำต้องยอมรับ เหตุบางประการนั่นคืออะไร?

รัฐไทยใหม่

รัฐไทยใหม่คืออะไร? มีการปกครองอย่างไร และมีใครเป็นประมุข?

หรือนี่คือเหตุบางประการที่ทำให้มวลชนบางกลุ่มจำต้องออกมาต่อสู้... การนำเอาคำว่าชนชั้นมาเป็นข้ออ้าง การโจมตีอำมาตย์ การกล่าวร้ายว่าอามาตย์ลืมประชาชน.. เป็นสิ่งที่คนจำนวนมากยอมรับไม่ได้..!?

ใครคืออำมาตย์ หรือการต่อสู่ในทุกวันนี้เป็นพียงความต้องการในการสลับเปลี่ยนจากอำมาตย์เก่า สู่อำมาตย์ใหม่...?

ถ้าเป็นแบบนี้.. มวลชนก็เป็นเพียงหมาก เป็นเครื่องมือ ที่ใช้ในการสนองอำนาจของคนๆ หนึ่งเท่านั้นเอง..

คนเราถ้าหลงในอำนาจ ก็เปรียบเหมือนกายเป็นคน แต่ใจเป็นเปรต..

เพียงเรารู้เท่าทันผู้มีอำนาจทั้งหลาย หันหน้าเข้าหากัน รู้จักพึ่งพาตนเอง.. เชื่อว่าประเทศเราคงสงบสุข และจะเต็มไปด้วยความรักความสามัคคี ตลอดไป..

...