7:57 PM |
Author: Unknown
เคสคุยส่งท้ายการทำงานที่เก่าน่ะครับ เห็นว่าน่าสนใจดีเลยขอเอามาแชร์ให้ฟังกัน (คร่าวๆนะครับ)
พนง. : ดิฉันขอลาออกค่ะ
ผม : จะลาออกไปไหนล่ะ ตอนนี้บริษัทกำลังต้องการคน อยู่ช่วยกันก่อนดีกว่ามั้ย?
พนง. : ดิฉันมีความจำเป็นต้องกลับบ้าน ดูแลลูก แม่แกดูแลไม่ไหว
ผม : มาคุยกันสบายๆดีกว่านะครับ ไม่ต้องดิฉันหรอกครับ ไม่ต้องเกร็ง ไหนลองเล่ารายละเอียดให้ฟังทีสิครับ
แล้วน้องเขาก็เล่าปัญหาที่เจออยู่ให้ฟัง ซึ่งจริงๆก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ผมก็เห็นว่าเรื่องมันยังไม่ถึงขนาดต้องลาออกเลยเริ่มคุยต่อ
____
ผม : น้อง เคสนี้บริษัทน่าจะให้ลาได้นะ น้องเป็นพนักงานเก่า ไม่น่าออกหรอก แล้วถ้าออกไปนี่รายได้พอใช้เหรอ?
พนง. : ก็... (เงียบไปพักนึง)
ผม : เราต้องห่วงครอบครัวเรา ถูกมั้ย ถ้าเราออกไปแล้วรายได้ไม่พอใช้ก็ต้องหางานใหม่อยู่ดี ถ้างั้นอยู่นี่แหละ แต่ถ้าจำเป็นก็หยุดไปแล้วกันน่า
พนง. : พี่ หนูคุยจริงๆนะ หนูจะออกไปร่วมชุมนุมน่ะ หนูยอมลำบากจะสู้เพื่ออุดมการณ์น่ะ
ผมก็คิดในใจว่ากะแล้วเชียว ก็น้องเล่นใส่เสื้อ Truth Today มาคุยนี่น่า ^^"
แต่ตามที่โดนสอนมา การที่พนักงานลาออกไปลำบากนั่นไม่ใช่เรื่องที่ HR ควรจะปล่อยผ่านไป ก็เลยคุยต่อครับ
____
ผม : น้อง ถ้าเป็นผมนะ ผมต้องให้ความสำคัญกับครอบครัวก่อนน่ะ ผมจะไม่เลือกอะไรที่ทำให้ครอบครัวลำบากนะ
พนง. : แต่รัฐบาลนี้ไม่ดี บ้านหนูทำนา ราคาข้าวมันตก แล้วเจอปุ๋ยปลอมด้วย ถึงหนูไม่ได้ทำนาแต่หนูสงสารคนอื่นเขา
ผม : แล้วรายได้ของบ้านเราจะไม่กระทบเหรอเวลาเรามาชุมนุมไม่ได้ทำงาน
พนง. : ก็กระทบค่ะ
ผม : แล้วแฟนเราทำอาชีพอะไรล่ะ รายได้พอเลี้ยงครอบครัวรึเปล่า?
พนง. : ได้เดือนละ 12,000 ค่ะ ทำงานเป็นคนขับรถให้แกนนำ
ผมก็ ^^" แล้วแบบนี้จะคุยต่อยังไงดีล่ะเนี่ย แล้วปล่อยให้ออกไปตกงานจะดีเหรอ ลองอีกยกละกัน กล่อมไม่ได้ก็ยอมแพ้แล้ว
____
ผม : ที่คุยมาตอนนี้เราต้องดูแลหลายปากนะ แล้วมีเงินเก็บพอดูแลตัวเองได้กี่เดือนล่ะ
พนง. : แต่หนูทำเพื่ออุดมการณ์นะ
เอาแล้ว เริ่มตอบไม่ตรงคำถามแล้ว เจอช่องให้เจาะแล้ว
ผม : ผมถามจริงๆนะว่ามีเงินเก็บพอดูแลที่บ้านได้กี่เดือน
พนง. : ก็หลายเดือนอยู่ แต่หนูมั่นใจว่าจะยุบสภาเร็วๆนี้นะ
ผม : แล้วถ้ามันชุมนุมยืดเยื้อไม่จบในหลายเดือน แบบนี้เราจะไหวเหรอ
พนง. : (เงียบ)
ผม : ถ้างั้นน้องห่วงครอบครัวตัวเองหน่อยดีมั้ย อยู่ทำงานต่อดีกว่าน่า
พนง. : แต่หนูรับปากเพื่อนๆเขาไปแล้วว่าจะไปร่วมชุมนุมใหญ่เสาร์นี้ แล้วอีกอย่างตอนนี้ก็ขาดงานมาหลายวันแล้ว
เอาล่ะ ในที่สุดก็หาเจอแล้วว่าเหตุผลที่พนง.จะลาออกนั้นมันมาจากความกลัวโดนตำหนิเรื่องขาดงานประกอบกัน งั้นก็ได้เวลากล่อมครั้งสุดท้ายแล้ว
ผม : งั้นน้องก็ขอลาไปชุมนุมใหญ่แล้วกลับมาทำงานสิครับ ลองคุยกับหัวหน้างานลางานไปถึงวันจันทร์สิ
พนง. : แล้วหัวหน้างานเขาจะไม่ว่าเหรอคะ
ผม : แน่นอนอยู่แล้วครับว่าต้องโดนลงโทษเรื่องขาดงาน แต่แบบนี้เราเองยังมีรายได้มั่นคงนะ แถมไม่ต้องผิดใจกับเพื่อนที่ร่วมชุมนุมด้วย
พนง. : (คิดอยู่พักนึง )งั้นหนูขอไปยื่นข้อเรียกร้องกับหัวหน้างานก่อนนะคะ ขอบคุณพี่มากค่ะ
____
เรื่องนี้จบด้วยการเปลี่ยนใจพนักงานได้คนนึงครับ สำหรับกรณีนี้พนักงานมีความคิดว่าการต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ทางการเมืองเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้นในการพูดคุยผมจะไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องความคิดทางการเมืองของน้องเขา แต่คุยในประเด็นที่ต้องทำให้เขาคิดถึงความจำเป็นด้านอื่นของตัวเขาบ้างน่ะครับ ดึงให้เขากลับมาคุยในเรื่องที่เราคุยได้ก่อนครับ
ข้อดีคือ คนหนึ่งคนไม่ต้องตกงาน และลดจำนวนคนเข้าร่วมชุมนุมในระยะยาวได้..
ข้อเสียคือ มันจะเป็นเคสตัวอย่างที่อาจทำให้คนอื่นๆ ทำตาม..
...
ผมคิดว่าคุณแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีมากทีเดียว การเรียกร้องประชาธิปไตยโดยไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเป็นเรื่องที่ยอมรับได้..
แต่ส่วนตัวผมคิดว่า... การอ้างประชาธิปไตยเพื่อสนองอุดมการณ์ส่วนตนเป็นเรื่องที่น่าละอาย..
เพราะการที่คุณนำประชาธิปไตยมาเป็นข้ออ้าง แล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อน (บางรายเดือดร้อนมาก) มันไปกระทบสิทธิของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นสีอะไร.. มันเป็นการทำลายประชาธิปไตยทางอ้อม
โดยบางทีเราอาจจะไม่ทันรู้ตัว..
...
พนง. : ดิฉันขอลาออกค่ะ
ผม : จะลาออกไปไหนล่ะ ตอนนี้บริษัทกำลังต้องการคน อยู่ช่วยกันก่อนดีกว่ามั้ย?
พนง. : ดิฉันมีความจำเป็นต้องกลับบ้าน ดูแลลูก แม่แกดูแลไม่ไหว
ผม : มาคุยกันสบายๆดีกว่านะครับ ไม่ต้องดิฉันหรอกครับ ไม่ต้องเกร็ง ไหนลองเล่ารายละเอียดให้ฟังทีสิครับ
แล้วน้องเขาก็เล่าปัญหาที่เจออยู่ให้ฟัง ซึ่งจริงๆก็ไม่ใช่ปัญหาใหญ่อะไร ผมก็เห็นว่าเรื่องมันยังไม่ถึงขนาดต้องลาออกเลยเริ่มคุยต่อ
____
ผม : น้อง เคสนี้บริษัทน่าจะให้ลาได้นะ น้องเป็นพนักงานเก่า ไม่น่าออกหรอก แล้วถ้าออกไปนี่รายได้พอใช้เหรอ?
พนง. : ก็... (เงียบไปพักนึง)
ผม : เราต้องห่วงครอบครัวเรา ถูกมั้ย ถ้าเราออกไปแล้วรายได้ไม่พอใช้ก็ต้องหางานใหม่อยู่ดี ถ้างั้นอยู่นี่แหละ แต่ถ้าจำเป็นก็หยุดไปแล้วกันน่า
พนง. : พี่ หนูคุยจริงๆนะ หนูจะออกไปร่วมชุมนุมน่ะ หนูยอมลำบากจะสู้เพื่ออุดมการณ์น่ะ
ผมก็คิดในใจว่ากะแล้วเชียว ก็น้องเล่นใส่เสื้อ Truth Today มาคุยนี่น่า ^^"
แต่ตามที่โดนสอนมา การที่พนักงานลาออกไปลำบากนั่นไม่ใช่เรื่องที่ HR ควรจะปล่อยผ่านไป ก็เลยคุยต่อครับ
____
ผม : น้อง ถ้าเป็นผมนะ ผมต้องให้ความสำคัญกับครอบครัวก่อนน่ะ ผมจะไม่เลือกอะไรที่ทำให้ครอบครัวลำบากนะ
พนง. : แต่รัฐบาลนี้ไม่ดี บ้านหนูทำนา ราคาข้าวมันตก แล้วเจอปุ๋ยปลอมด้วย ถึงหนูไม่ได้ทำนาแต่หนูสงสารคนอื่นเขา
ผม : แล้วรายได้ของบ้านเราจะไม่กระทบเหรอเวลาเรามาชุมนุมไม่ได้ทำงาน
พนง. : ก็กระทบค่ะ
ผม : แล้วแฟนเราทำอาชีพอะไรล่ะ รายได้พอเลี้ยงครอบครัวรึเปล่า?
พนง. : ได้เดือนละ 12,000 ค่ะ ทำงานเป็นคนขับรถให้แกนนำ
ผมก็ ^^" แล้วแบบนี้จะคุยต่อยังไงดีล่ะเนี่ย แล้วปล่อยให้ออกไปตกงานจะดีเหรอ ลองอีกยกละกัน กล่อมไม่ได้ก็ยอมแพ้แล้ว
____
ผม : ที่คุยมาตอนนี้เราต้องดูแลหลายปากนะ แล้วมีเงินเก็บพอดูแลตัวเองได้กี่เดือนล่ะ
พนง. : แต่หนูทำเพื่ออุดมการณ์นะ
เอาแล้ว เริ่มตอบไม่ตรงคำถามแล้ว เจอช่องให้เจาะแล้ว
ผม : ผมถามจริงๆนะว่ามีเงินเก็บพอดูแลที่บ้านได้กี่เดือน
พนง. : ก็หลายเดือนอยู่ แต่หนูมั่นใจว่าจะยุบสภาเร็วๆนี้นะ
ผม : แล้วถ้ามันชุมนุมยืดเยื้อไม่จบในหลายเดือน แบบนี้เราจะไหวเหรอ
พนง. : (เงียบ)
ผม : ถ้างั้นน้องห่วงครอบครัวตัวเองหน่อยดีมั้ย อยู่ทำงานต่อดีกว่าน่า
พนง. : แต่หนูรับปากเพื่อนๆเขาไปแล้วว่าจะไปร่วมชุมนุมใหญ่เสาร์นี้ แล้วอีกอย่างตอนนี้ก็ขาดงานมาหลายวันแล้ว
เอาล่ะ ในที่สุดก็หาเจอแล้วว่าเหตุผลที่พนง.จะลาออกนั้นมันมาจากความกลัวโดนตำหนิเรื่องขาดงานประกอบกัน งั้นก็ได้เวลากล่อมครั้งสุดท้ายแล้ว
ผม : งั้นน้องก็ขอลาไปชุมนุมใหญ่แล้วกลับมาทำงานสิครับ ลองคุยกับหัวหน้างานลางานไปถึงวันจันทร์สิ
พนง. : แล้วหัวหน้างานเขาจะไม่ว่าเหรอคะ
ผม : แน่นอนอยู่แล้วครับว่าต้องโดนลงโทษเรื่องขาดงาน แต่แบบนี้เราเองยังมีรายได้มั่นคงนะ แถมไม่ต้องผิดใจกับเพื่อนที่ร่วมชุมนุมด้วย
พนง. : (คิดอยู่พักนึง )งั้นหนูขอไปยื่นข้อเรียกร้องกับหัวหน้างานก่อนนะคะ ขอบคุณพี่มากค่ะ
____
เรื่องนี้จบด้วยการเปลี่ยนใจพนักงานได้คนนึงครับ สำหรับกรณีนี้พนักงานมีความคิดว่าการต่อสู้เพื่ออุดมการณ์ทางการเมืองเป็นสิ่งสำคัญมาก ดังนั้นในการพูดคุยผมจะไม่เข้าไปก้าวก่ายเรื่องความคิดทางการเมืองของน้องเขา แต่คุยในประเด็นที่ต้องทำให้เขาคิดถึงความจำเป็นด้านอื่นของตัวเขาบ้างน่ะครับ ดึงให้เขากลับมาคุยในเรื่องที่เราคุยได้ก่อนครับ
ข้อดีคือ คนหนึ่งคนไม่ต้องตกงาน และลดจำนวนคนเข้าร่วมชุมนุมในระยะยาวได้..
ข้อเสียคือ มันจะเป็นเคสตัวอย่างที่อาจทำให้คนอื่นๆ ทำตาม..
...
ผมคิดว่าคุณแก้ปัญหาเฉพาะหน้าได้ดีมากทีเดียว การเรียกร้องประชาธิปไตยโดยไม่ทำให้ผู้อื่นเดือดร้อนเป็นเรื่องที่ยอมรับได้..
แต่ส่วนตัวผมคิดว่า... การอ้างประชาธิปไตยเพื่อสนองอุดมการณ์ส่วนตนเป็นเรื่องที่น่าละอาย..
เพราะการที่คุณนำประชาธิปไตยมาเป็นข้ออ้าง แล้วทำให้คนอื่นเดือดร้อน (บางรายเดือดร้อนมาก) มันไปกระทบสิทธิของผู้อื่น ไม่ว่าจะเป็นสีอะไร.. มันเป็นการทำลายประชาธิปไตยทางอ้อม
โดยบางทีเราอาจจะไม่ทันรู้ตัว..
...
Category:
บทสนทนาระหว่างผมกับพนักงานที่ขอลาออกไปร่วมชุมนุม
|
0 comments: